Saturday, December 15, 2012

น้ำพริกหนุ่ม

ส่วนประกอบของน้ำพริกหนุ่ม

พริกหนุ่มปิ้ง 10-15 เม็ด
หัวหอมแดงปิ้ง 1/4 ถ้วยตวง
กระเทียมปิ้ง 1/4 ถ้วยตวง
มะเขือเทศห่าม ๆ 6-7 ผล
ปลาร้าปลาช่อน หรือ ปลากระดี่ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
————————————————————————-
พริกหนุ่มคั่ว 5 เม็ด
หัวหอมแดงปิ้ง 1/2 ถ้วยตวง
กระเทียมปิ้ง 1/4 ถ้วยตวง
น้ำปลาร้าต้มข้น ๆ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำน้ำพริกหนุ่ม

1. ปลอกเปลือกพริก หอม มะเขือเทศ ที่ไหม้เกรียมออก
2. นำปลาร้าปลาช่อนมาห่อใบตองแล้วเผาไฟ แกะเนื้อปลามาสับให้ละเอียด
3.  โขลกพริก หอม กระเทียม มะเขือเทศ ที่เตรียมเอาไว้ทั้งหมด ใส่เนื้อปลาร้าสับและน้ำปลาร้าต้ม โขลกให้เข้ากันอีกครั้ง ใส่น้ำปลา น้ำตาล และ น้ำมะนาว
4. ตักใส่ถ้วยแล้ว จัดเสิร์ฟพร้อมกับแคบหมู

ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก

http://www.pantown.com/board.php?id=28087&area=3&name=board4&topic=30&action=view

คั่วกลิ้งหมู

ส่วนประกอบของคั่วกลิ้งหมู

เนื้อหมูบด 400 กรัม
ใบมะกรูดอ่อนหั่นฝอย 5 ใบ
น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ

ส่วนประกอบของเครื่องแกง

ตะไคร้หั่นฝอย 3 ต้น
กระเทียม 2 หัว
หอมแดง 5 หัว
ข่าหั่น 7 แว่น
ขมิ้นชัน 1 แง่ง
ผิวมะกรูดซอย 2 ช้อนชา
เกลือป่น 2 ช้อนชา
พริกขี้หนูแห้ง 20-30 เม็ด
พริกไทยเม็ด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
กะปิ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำคั่วกลิ้งหมู

1. นำเครื่องแกงทั้งหมดมาโขลกให้ละเอียด
2. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันลงไป พอกระทะร้อนใส่เนื้อหมูลงไปผัดให้สุกจนแห้ง
3. ใส่เครื่องแกง ผัดต่อจนเครื่องแกงเข้ากับเนื้อหมู ปิดไฟ
4. โรยใบมะกรูดหั่นฝอย จัดเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ

ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก

http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2011/05/D10536036/D10536036.html

หมูเค็ม

ส่วนประกอบของหมูเค็ม

หมูสามชั้น 1 1/2 กิโลกรัม
เกลือ 3 1/2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำหมูเค็ม

หั่นหมูสามชั้นเป็นเส้นกว้าง 1 1/2 เซนติเมตร
หมักกับเกลือและพริกไทยป่น ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง
นำหมูที่หมักได้แล้ว ลงจี่ในกระทะก้นแบน บนไฟอ่อน จนสุกเป็นสีเหลืองทองทั้ง 2 ด้าน ใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที
หมูเค็ม เป็นอีกเมนูหนึ่งซึ่งมักมีอยู่ประจำตู้กับข้าวของที่บ้าน ความเค็มและการใช้ความร้อนนาน ๆ ทำให้หมูเค็มเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น

วิธีเลือกซื้อหมู

เวลาไปซื้อหมูสามชั้น



เลือกมันหมูมากน้อยตามใจชอบ แต่ถ้ามันน้อยหมูจะแข็ง
ให้พ่อค้าหมูเขาหั่นเป็นเส้นตามต้องการเสียเลย เพราะมีของเขาคมมาก กรีดปื้ดเดียวได้หมูสามชั้นตามต้องการเลย
ถ้าคิดจะหั่นหมูสามชั้นเองต้องแน่ใจว่ามีดของเราคมพอ เพราะหมูสามชั้นจะหั่นยากกว่าหมูส่วนอื่น ๆ
ไขมันที่อยู่ระหว่างชั้นของเนื้อหมู จะทำให้เนื้อหมูลื่นไปมา และหั่นยาก
ปรกติแล้วในการทำหมูเค็ม แม่บ้านควรจะเลือกแบบที่มีหนังหมูติดไว้ด้วย เมื่อสุกแล้วก็ไม่ค่อยเหนียวสุกเท่าไหร่ เพราะเราทิ้งหมูไว้ไนความร้อนค่อนข้างนาน
นำหมูที่ได้มาแล้วล้างให้สะอาด และซับน้ำให้แห้งสนิท แล้วจึงนำหมูไปคลุกเคล้ากับ เกลือ พริกไทย ให้ทั่วกัน
หมักทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง เพื่อให้ความเค็มซึมเข้าไปทั่วเนื้อหมู
เมื่อได้เวลาแล้ว นำกระทะก้นแบนขึ้นตั้งไฟอ่อนที่สุด
เหตุผลที่เราใช้กระทะก้นแบน เพื่อให้หมูโดนความร้อนแล้วสุกเสมอกัน
พอกระทะร้อน นำหมูลงมาวางอย่างมีระเบียบ จะได้ไม่เสียที่เปล่า
วางหมูเรียงให้เต็มกระทะ ก็จะได้ครั้งละ 4-5 ชิ้น
จากนี้ไปก็เริ่มใจเย็น หาอะไรทำไปพลาง ๆ ระหว่างรอให้หมูสุก เพราะการจี่หมูนี้ ใช้เวลานาน 20- 30 นาที
ลองพลิกดู ถ้าด้านล่างสุกเป็นสีทองแล้ว ก็กลับอีกด้านหนึ่ง ทำอย่างเดียวกันจนกว่าจะเป็นสีทองทั้งสองด้าน
นำขึ้นจากกระทะ วางบนกระดาษซับน้ำมัน และผึ่งไว้จนเย็นสนิท
เมื่อเย็นสนิทแล้ว จึงเก็บใส่ภาชนะปิดฝา และสามารถเก็บหมูเค็ม ไว้ได้ 2 – 3 สัปดาห์โดยไม่ต้องใส่ตู้เย็น



แล้วนำมาหั่นใส่จานแล้วแต่งหน้าตาให้สวย แล้วพร้อมเสริฟกับข้าวสวยร้อน ๆ

วิธีขจัดเมือกปลา ได้ง่าย ๆ ด้วยแป้งมัน

ปลาเป็นสัตว์ที่มีแคลอรี่ต่ำ ทานแล้วไม่อ้วน สาว ๆ ส่วนใหญ่ จึงนิยมบริโภคปลากันมาก

แม่บ้านส่วนใหญ่ที่ซื้อปลามาจากตลาด เพื่อที่จะมาปรุงเป็นอาหาร มักจะเบื่อหน่ายกับเมือกปลาที่คาว แล้วก็เลื่อน ๆ มือ และปลาบางชนิดก็มีเมือกมาก ล้างอย่างไรเมือกปลาก็ไม่หมดซักที จึงทำให้แม่บ้านเสียเวลาในการล้างปลามาก และแม่บ้านส่วนใหญ่ก็ไม่รู้วิธีล้างเมือกปลาออกจากตัวปลา.

เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ มานำเสนอให้คุณแม่บ้าน คือ วิธีล้างเมือกปลา ด้วยแป้งมัน


ในการล้างเมือกปลาออกจากตัวปลานั้น เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ คือ ให้คุณแม่บ้านนำปลาไปคุกกับแป้งมันทั้งตัวให้ทั่ว ๆ แล้วปล่อยเอาไว้ซัก 1 – 2 นาที แล้วนำไปล้างน้ำออก คราวนี้ปัญหาเมือกปลาที่มารบกวนใจคุณแม่บ้านก็จะหมดไป แล้วปลาของคุณแม่บ้านก็สะอาด แล้วไม่เหม็นคาวอีกด้วย เป็นเคล็ดลับในการทำอาหารที่ง่ายมากใช่มั้ยครับ.

แจ่วฮ้อน หรือ จุ่มจิ้ม

แจ่วฮ้อน หรือ จุ่มจิ้ม






เครื่องปรุง น้ำซุปแจ่วฮ้อน

กระดูกขาวัว 1 ขา
ใส่ข่าทุบให้แตก 1 แง่ง
ตะไคร้ 2 ต้น
ใบมะกรูด 5 ใบ
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำซุปแจ่วฮ้อน
ทุบกระดูก ให้แตกแล้วใส่หม้อตั้งไฟต้มกับน้ำสะอาด ใส่ ข่า ตะไคร้ ใบ มะกรูด เกลือป่น และน้ำตาลทรายตามสูตร ต้มเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆนานประมาณ 1 ชั่วโมง จนได้น้ำซุปกระดูกหมูที่เข้มข้น


เครื่องประกอบแจ่วฮ้อน
เนื้อน่องวัว (เนื้อลาย) หั่นตามขวางให้เป็นแผ่นบาง ๆ
ตับ
ผ้าขี้ริ้ว
ไส้
ผักกะหล่ำปลี
ผักบุ้ง
ใบโหระพา
วุ้นเส้น

น้ำจิ้มแจ่วฮ้อน
มี 2 สูตรให้เลือก ตามใจลูกค้า

1.สูตรเปรี้ยว

ผสมน้ำมะนาว 2 ลูก
พริกป่น 1 ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
คนให้ส่วนผสมเครื่องปรุงทุกอย่างเข้ากันดี เก็บใส่ภาชนะไว้ปิดฝา รอจำหน่ายให้ลูกค้า

2.สูตรขม

น้ำดีวัว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 3 หัว
ตะไคร้-ใบมะกรูด หั่นซอย ตามใจชอบ

เวลา เสิร์ฟใช้หม้อดินเผาใบเล็กๆตักน้ำซุปใส่ ปรุงรสเพิ่มด้วย ข้าวคั่ว พริกป่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ตั้งไปบนเตาถ่านในเล็ก เมื่อน้ำซุปเดือด ลูกค้าจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อ เครื่องใน ผักและวุ้นเส้น ลงไปจุ่มในน้ำซุป ลวกจนสุกแล้วจิ้มกับน้ำจิ้ม เหมือนกินสุกี้ยากี้ ตักน้ำจิ้มเสิร์ฟไปพร้อมกันทั้ง 2 สูตร

vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv
vvvvvvvvvvvvvvv


ใน ที่นี้ผมจะพูดถึงเฉพาะจุ่มจิ้มหรือแจ่วฮ้อน ของชาวอีสานเท่านั้นนะครับ (บางท่านเรียกซะโก้ว่า สุกี้อีสาน) ซึ่งจะใช้เนื้อวัวเป็นหลัก ส่วนกรรมวิธีการทำท่านอาจจะดัดแปลงไปใช้กับเนื้อชนิดอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา หรืออาหารทะเล ก็ได้ตามใจท่านครับ เริ่มกันที่ส่วนประกอบของเครื่องปรุงก่อนดังต่อไปนี้
น้ำแกงหรือน้ำซุป ประกอบด้วย น้ำสะอาดต้มเดือดๆ ใส่ข่าหั่นเป็นแว่น ตะไคร้สับเป็นท่อนสั้นๆ ใบมะกรูดฉีก หอมสดหั่นเป็นท่อนสั้นๆ รากผักชีบุบละเอียด ผักชีฝรั่งหั่นฝอย (อีสานเรียกผักหอมเป) ปรุงรสด้วยน้ำปลาดี
ผักรวมมิตร เป็นพระเอกด้วย ใบโหระพา ผักกาดขาว ผักบุ้ง กะหล่ำปลี ใบชะพลู ถั่วฝักยาว ผักชีฝรั่ง และวุ้นเส้น (ถ้าชอบ)
เนื้อ และเครื่องในวัว เนื้อสันใน เนื้อลาย หั่นตามขวางเป็นแผ่นบางพอดีคำ เครื่องในวัวที่ชอบเช่น ตับ หัวใจ ผ้าขี้ริ้ว คูนา ขอบกระด้ง
น้ำจิ้มรส เด็ด แบ่งเป็นสองชนิดคือน้ำจิ้มขมและน้ำจิ้มเปรี้ยว ประกอบด้วยข้าวคั่วป่น พริกแห้งป่น น้ำปลาดี ชิมให้ได้รสเค็มนำ ท่านที่ชอบน้ำจิ้มเปรี้ยวให้เติมน้ำมะนาว ท่านที่ชอบขมให้ผสมน้ำขี้เพลี้ยต้ม/กรอง และน้ำดีให้มีรสขมเล็กน้อย
กรรมวิธี การรับประทาน ถ้าแบบดั้งเดิมก็ต้องใช้เตาถ่านใบเล็กๆ ไฟแดงจัดตั้งด้วยหม้อดินขนาดเล็ก เติมน้ำแกงต้มให้เดือด (สมัยใหม่นี้ใช้กระทะไฟฟ้าสะดวกสุด เพราะถ่านไม้เดี๋ยวนี้หายากจัง) จัดจานผัก จานเนื้อ และถ้วยน้ำจิ้มวางข้างๆ เตา จัดจาน ช้อนและตะเกียบเป็นอาวุธคู่กาย

คีบผักลงลวกให้สุกก่อนวางลงในจาน (ถ้าชอบวุ้นเส้นก็ลวกพอสุก วางเคียงข้าง) คีบเนื้อที่ชอบลงลวกให้สุกพอดี (อย่าสุกมากเนื้อจะเหนียว เคี้ยวแล้วฟันฟางหลุดผมไม่รับประกันนา) จุ่มลงในน้ำจิ้ม รับประทานกับผักเป็นเครื่องเคียง รสชาติแซบอย่าบอกใครเชียว

สูตรทำน้ำจิ้มลูกชิ้นปิ้ง

สูตรทำน้ำจิ้มลูกชิ้นปิ้ง






สิ่งที่ต้องเตรียม

ลูกชิ้นเนื้อ 500 กรัม
พริกชี้ฟ้าแดง 10 เม็ด
กระเทียมปอกเปลือก 15 กลีบ
กระเทียมโทนดอง 10 หัว
น้ำมะขามเปียกคั้นข้น 1 1/2 ถ้วย
น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ซอสพริก 3 ช้อนโต๊ะ
แบะแซ 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
- ปั่นกระเทียม พริกชี้ฟ้าแดง และกระเทียมดองให้ละเอียดเตรียมไว้
- น้ำมะขาวเปียกและน้ำตาลปี๊บใส่กระทะยกขึ้นตั้งไฟ คนจนน้ำตาลละลายใส่เกลือป่นและซอสพริกตามลงไป
- เพื่อเพิ่มความหนืดของน้ำจิ้มใส่แบะแซลงไปเคี่ยวด้วย
- รอให้เดือดอีกครั้งใส่พริกกระเทียมที่ปั่นไว้ลงไป เคี่ยวต่อซักครู่ชิมรสให้ออกเปรี้ยวหวานและต้องไม่เค็มมาก ถ้าชอบเผ็ดๆ ให้เพิ่มพริกแห้งคั่วป่นลงไปก็ได้ค่ะ จะได้หอมๆ กลิ่นพริกคั่วด้วย
- พอชิมรสถูกปากแล้วปิดไฟ แค่นี้ก็ได้น้ำจิ้มแสนอร่อยแล้วค่ะ
- ต่อไปก็นำลูกชิ้นมาเสียบไม้ ใช้มีดบั้งลูกชิ้นให้เป็นรอยนิดนึง ทาผิวลูกชิ้นด้วยน้ำมันพืชด้วยนิดหน่อย (ถ้าไม่ทาลูกชิ้นจะไหม้เกรียมเร็วมาก)
- แล้วนำไปปิ้งไม่ต้องใช้ไฟแรง ปิ้งให้แค่ผิวลูกชิ้นตึงๆ หอมๆ เป็นใช้ได้ จัดใส่จานทานกับน้ำจิ้มที่เราเตรียมไว้แค่นี้ก็อร่อยกว่าร้านไหนๆ แล้วค่ะ

อีกสูตรค่ะ

ส่วน “น้ำจิ้ม”
จะเป็นรสเผ็ดกลาง ๆ เป็นการต้มมะขามเปียก 1.5 กก. กับน้ำปริมาณครึ่งหม้อสแตนเลสใบใหญ่
โดยจะต้องต้มให้น้ำและเนื้อมะขามเปียกออกมาให้หมด กรองเอากากออก
จากนั้นเคี่ยวน้ำตาลปี๊บ และน้ำตาลทรายอย่างละ 4 กก. และน้ำส้มสายชู ขวด ให้เข้ากัน
จากนั้นใส่พริกขี้หนูแดง และพริกขี้หนูเขียวบด 3 กก. และกระเทียมบด 1 กก.
ซึ่งพริกและกระเทียมนั้นจะต้องบดรวมกัน และเคี่ยวรวมกัน และใส่เกลือลงไปอีกนิดหน่อย
เคี่ยวไปเรื่อย ๆ ก็จะได้น้ำจิ้มรสเด็ด
เมื่อเคี่ยวน้ำจิ้มจนเหนียวได้ที่แล้ว ก่อนยกลงจากเตาให้ใส่แบะแซลงไปอีก 0.5 กก.
ใส่ลงไปเคี่ยว เพื่อเพิ่มความเหนียวให้กับน้ำจิ้มมากขึ้น

การปิ้งขายนั้นเตรียมเตาย่าง ถ่านย่างลูกชิ้นทั่วไป ใช้ไฟอ่อน ๆ เพื่อย่างให้ลูกชิ้นร้อน และมีสีออกเหลืองอ่อน ๆ
ดูน่ารับประทาน ไม่ต้องย่างนานมาก เพราะลูกชิ้นสุกอยู่แล้ว โดยลูกชิ้นหมู เอ็นหมู และไก่ ขายไม้ละ 6 บาท
พร้อมกับน้ำจิ้ม แต่ถ้าเป็นลูกชิ้นเนื้อวัว และเอ็นวัว จะขายไม้ละ 8 บาท
^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
สูตรน้ำจิ้มลูกชิ้น


ส่วนผสม


น้ำตาลบี๊ป

น้ำมะขาม

น้ำปลา

เกลือ

กระเทียมดอง

พริกชี้ฟ้าแดง

พริกป่น

วิธีทำ


นำน้ำตาลปี๊บมาเคี่ยว ใส่น้ำมะขาม ตามด้วยกระเทียมดองกับพริกชี้ฟ้าปั่น

ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือ เพิ่มรสชาติเผ็ดยิ่งขึ้นด้วยพริกป่น

แล้วก็เคี่ยวต่อให้เหนียวค่ะ แค่นี้เราก็ได้น้ำจิ้มรสเด็ดทำง่ายๆมากเลยใช่ไหมค่ะ

น้ำจิ้มพร้อมลูกชิ้นปิ้งพร้อมก็เตรียมหม่ำกันได้เลยค่ะ
^^^^^

น้ำมะขามเปียก 200 กรัม

กระเทียมดองสับละเอียด 2 หัว

ถั่วลิงสงทอด/บดหยาบ 1 1/2 ถ้วยตวง

น้ำตาลปิ๊บ 300 กรัม

พริกคั่วป่น 5 ช้อนกินข้าว

น้ำ 4 ถ้วย

เกลือนิดหน่อย


วิธีทำ

- มะขามเปียก ขยำกับน้ำ แล้วใสส่วนผสมทั้งหมดลงไป และนำไปตั้งไปเคี่ยวจนเดือด แล้วลดไฟลง สุดท้ายก็เติมถั่ว, พริกป่นลงไปตามชอบ

หมึกย่างอร่อยๆพร้อมน้ำจิ้มแซ่บๆ

หมึกย่างอร่อยๆพร้อมน้ำจิ้มแซ่บๆ





ปลาหมึกย่าง
วิธีทำปลาหมึกย่างพร้อมน้ำจิ้มปลาหมึกรสอร่อย ทำกินเองหรือทำขายก็รวยได้ง่ายๆ
หมึกย่างเป็นอาหารทะเลที่คนนิยมทานกันมาก จะทำกินเองหรือทำขายเป็นอาชีพเสริมก็รวยได้
การจะทำหมึกย่างให้อร่อยต้องประกอบไปด้วย หมึกที่สดใหม่ + น้ำจิ้มที่เข้มข้นเปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน จี๊ดจ๊าดสไตล์น้ำจิ้มซีฟูดส์
วันนี้เสนอสูตรการทำปลาหมึกสดย่างให้อร่อย ๆ ครับ เอาละ เรามาเริ่มกันเลยครับ

1.หา ซื้อปลาหมึกสด ที่ตลาด ให้เลือกที่สด ๆ นะวิธีส่วนตัวของผมเลือกที่ตัวสีม่วง ๆ คล้ำ ๆ ถ้าเลือกได้นะ ส่วนตัวขาว ๆ แสดงว่าอยู่กับแม่ค้ามานาน

2.วิธีล้างเพื่อไม่ให้ปลาหมึกเค็ม เพราะตอนที่เขาเอามาจากเรือเขาจะแช่เย็นและลงเกลือมา ถ้าเราไม่ล้างเอาความเค็มออก ปลาหมึกเราจะเค็ม วิธีการคือ เค็ม ตัด เค็ม โดยการที่เราเอาเกลือ 2 กำมือ ต่อปลาหมึก 1 กก ใส่รวมกันใส่น้ำ 1 ขันล้างโดยการตีฟอง ความเค็มที่ตัวปลาหมึกจะออกมาเอง ทำแบบนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง สังเกต ฟองของน้ำลดลง

3. ให้นำสารส้ม มาล้างที่ตัวปลาหมึก จะบดผสมน้ำ หรือ เอามาขัดตามตัวปลาหมึกก็ได้ จะช่วยให้ปลาหมึกของเราไม่มีกลิ่นคาว

3.ให้ เอาปูนขาว (ปูนกินหมากนะ ไม่ใช่ ปูนซีเมนต์) 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1-2 ขัน หลังจากนั้นให้เอา ปลาหมึกไปแช่น้ำปูน เวลาย่างปลาหมึกจะกรอบอร่อย

4. นำปลาหมึกไปหมัก น้ำเปล่า ที่เรา ผสม ซีอิ๋วดำ กับผงขมิ้น เพื่อให้สีเหลืองน่ารับประทาน

5. เอาไปย่างได้เลยครับ........

^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
1. แช่ปลาหมึกในถังน้ำแข็ง โดยใส่ถุงพลาสติกมัดปากให้มิดชิด แล้วเอาน้ำแข็งโป๊ะทับไว้ข้างบนให้ท่วม เก็บได้นาน 3 วัน แต่ต้องคอยระบายน้ำแข็งที่ละลายออกอย่าให้มีน้ำค้าง ในถัง
2.อย่าแช่ปลา หมึกในตู้เย็น ช่องฟรีช จะทำให้ผิวปลาหมึกไม่สวยเวลาย่างจะดูไม่น่ากิน เมื่อน้ำแข็งละลายแล้ว เนื้อปลาหมึกจะเป็นรู ผิวปลาหมึกไม่ตึงและมีฟองอากาศอยู่ในเนื้อปลาหมึก

อุปกรณ์ในการหั่นปลาหมึก
1.มีด
2. เขียง
3. กะละมัง
4. ตะกร้า
5. เกลือ
6. สารส้ม
อุปกรณ์ ในการทำปลาหมึกย่างได้แก่ เช่น เตาย่าง ถาด ตะแกรง มีด เขียงไม้เสียบปลาหมึก ถุงพลาสติก เป็นต้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 บาท ก็สามารถขายปลาหมึกย่างได้แล้ว

การทำความสะอาดปลาหมึกก่อนย่าง
หนวดหมึก ส่วนที่อร่อยที่สุด
หนวด ปลาหมึกเป็นส่วนที่นิยมกินกันมาก มาดูวิธีเตรียมหนวดปลาหมึก ล้างทำความสะอาดหนวดปลาหมึก เอาปลาหมึกใส่กะละมัง เปิดน้ำให้ท่วมปลาหมึก แล้วใส่เกลือ 2ื-3 ช้อนโต๊ะอย่าใส่มากทำให้เนื้อปลาหมึกเค็ม หลังจากใส่เกลือแล้ว ใช้มือคนแรงๆ
จนเกิดฟอง แล้วค่อยล้างยน้ำเปล่า แล้วเติมน้ำใหม่ ทำซ้ำแบบนี้อีก 3-4 ครั้ง ล้างจนน้ำเกลือและกลิ่นคาวปลาออกหมด จากนั้นค่อยหั่นหนวดปลาหมึก ขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีดไฟ หรือเล็กใหย่แล้วแต่ราคาที่ขาย

การล้างปากปลาหมึก
แกะเขี้ยวปลาหมึกออกก่อน โดยสังเกตุจะมีสีดำๆ จากนั้นล้างด้วยน้ำเกลือ โดยผสมเกลือ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำเปล่า ล้างจนสะอาดและหมดเกลือ

การล้างไข่ปลาหมึก
ไข่ปลาหมึกจะมีลักษณะเป้นวุ้นใสๆ ต้องใช้ความระมัดระวังสูง และต้องเบามือมากๆ ต้องระมัดระวังไข่
เพราะแตกง่าย แต่กำไรดีมาก รสชาติอร่อย
1. แกะกระดูกแข็งๆออกก่อน
2. ล้างด้วยน้ำเปล่า1 ครั้งก่อน
3.จากนั้นให้ล้างด้วยสารส้ม โดยใส่สารส้มลงในกะละมัง สารส้มจะทำให้ไข่ปลาหมึกแข็งขึ้น ไม่เละ

การล้างตัวปลาหมึก
การซื้อหมึกเลือกใช้ หมึกกระดอง ขนาดประมาณฝ่ามือ เนื้อกำลังกรอบอร่อย
การล้างต้องล้างด้วยน้ำเหล้าอย่างเดียว ไม่ใช้เกลือ เพราะปลาจะเค็มง่าย



การเสียบปลาหมึก

*วิธีการเสียบปลาหมึกย่าง
การ เสียบหนวดปลาหมึกการเสียบปลาหมึกให้เสียบเนื้อโนหนวดไปก่อน 2-3 ชิ้นป้องกันการลื่นหลุด แล้วค่อนเสียบหนวดปลาหมึก ตั้งราคาขายไม้ละ 30 บาท

การเสียบไข่ปลาหมึก
ต้อง ขนาดไข่ที่ใกล้เคียงกัน เพื่อความสวยงาม วิธีการเสียบ ถ้าไข่ปลาหมึกใหญ่ ให้เสียบ 3 ลูก ขนาดกลางเสียบ 4 ลูก ขนาดเล็กเสียบให้เต็มไม้
วิธีเสียบปากปลาหมึก
เลือกเสียบด้านข้างของปากให้เต็มไม้
การเสียบตัวปลาหมึก
ต้องเสียบตามยาว จากท้ายไปหาหัวปลาหมึก ไม่ให้ไม้โผลออกมา
^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
สูตร น้ำจิ้มปลาหมึกย่างน้ำจิ้มปลาหมึกย่างต้องมีรสชาติจี๊ดจ๊าดแบบสไตล์น้ำจิ้ม ซีฟูดส์ ปลาหมึกย่างจะอร่อยต้องมีน้ำจิ้มรสเด็ดควบคุ่กันไปด้วย
สูตรน้ำจิ้มปลาหมึกรสเด็ด
สวนผสม
พริกแดง 165 กรัม
กระเทียมไทย 165 กรัม
น้ำตาลทราย 600 กรัม
ผงชูรส 2 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
เกลือป่น 65 กรัม
รากผักชี 15 กรัม
น้ำมะนาว 1 ถ้วย (ใช้แบบขวดก็ได้)

วิธีทำ
1.ใส่น้ำตาล เกลือ น้ำมะนาว ผงชูรสในภาชนะ คนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
2.ใส่รากผักชี กระเทียม พริกแดง มะนาว ลงในโถปั่น จากนั้นปั่นให้ละเอียดมากๆ
3.ที่ผสมแล้วในข้อ 1 ลงในโถปั่น ปั่นต่อให้เข้ากัน
4.จากนั้นค่อยใส่รากผักชี และบีบมะนาวสด
การเก็บรักษาน้ำจิ้มปลาหมึก
1. เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา จะอยู่ได้นาน 1 เดือน
2. เก็บในถังน้ำแข็งอยู่ได้นาน 10 วัน
***ควรปิดภาชนะที่ใส่น้ำจิ้มให้มิดชิด

น้ำจิ้มอีกสูตร ครับ
๑.น้ำมะนาว และ น้ำมะขามเปียก
๒.พริกสด หรือ พริกขี้หนู
๓.กระเทียมสด
๔.รากผักชี
๕.กระเทียมดองพร้อมน้ำ
๖.ผักชี
๗.น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ หรือ น้ำปลา

^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
วิธีทำ ปลาหมึกย่างนั้นก็ไม่ยาก
ส่วนผสม

ปลาหมึกสด (ปลาหมึกกระดอง)
ซี่อิ๊วดำ
น้ำเปล่า
ขมิ้นผง

วิธีทำ

ให้นำน้ำเปล่าผสมกับซีอิ๊วดำ ในอัตราส่วน 2 :1 คือน้ำ 2 ส่วน และซีอิ๊ว 1 ส่วน ขมิ้นผง 1 ส่วน
ส่วนปลาหมึกก็ทำความสะอาดข้างในตัวปลาให็เรียบร้อย แต่อย่าผ่าออกนะ
หลัง จากนั้น ก็นำปลาหมึกไปแช่ในน้ำซีอิ๊วที่เราทำเตรียมไว้ และยกแช่ในตู้เย็น หรือถังน้ำแข็งก็ได้ ประมา 2 - 3 ชั่วโมง แล้วนำออกมาเสียบ

หนางวัว

หนางวัว





หนางสามารถนำมาปรุงได้หลายแบบ เช่น แกง ต้ม นึ่ง แต่ที่นิยมกันแพร่หลายก็คือหนางต้ม ซี่งมีวิธีการทำดังนี้

๒.๑ เครื่องปรุง

หนางดิบ ๑ ถ้วย
กะทิ ๒ ถ้วยครึ่ง
ตะไคร้ ๑ ต้น
หอมแดง ๑ หัว
กระเทียม ๒ หัว
ขมิ้นแก่จัด
พริกขี้หนู
น้ำตาลทราย
เกลือ

๒.๒ วิธีปรุง

๑) เอากะทิตั้งไฟให้เดือดทุบตะไคร้ หอม กระเทียม ขมิ้น ใส่ลงในหม้อ
๒) ใส่หนางลงต้มและเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ ต่อไปจนหนางสุก
๓) ทุบพริกชี้ฟ้า เติมน้ำตาล เกลือ ตามชอบ
๔) ยกเสริฟเป็นกับแกล้ม หรือกินกับข้าวสวยร้อน ๆ
ประโยชน์

๑.เป็น การถนอมอาหารวิธีการหนึ่งของคนภาคใต้ สามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน คนที่ตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ห่างไกลจากตลาด สามารถเก็บอาหารโปรตีนไว้ปรุงอาหารได้ทุกวัน
๒.รับประทานหนางแล้วได้สารอาหารโปรตีน และไขมัน วิตามินบี
๓.หนางสามารถนำไปปรุงกับข้าวได้หลายชนิด ทั้งต้ม ทอด และแกง

ผัดเผ็ดหมูป่า

m
 วันนี้เอิงลองทำผัดเผ็ดหมูป่าอย่างที่พี่วัฒน์แนะ นำ คือหั่นหมูแล้วเอาไปลวกก่อนให้สุกแล้วรีบผัดหนังจะออกมาไม่เหนียว อิอิ ทำแล้วค่ะ หน้าตาเป็นเช่นนี้ค่ะ...
m
มาค่ะ มาดุขั้นตอนการทำเลยค่ะ...เตรียมหมูป่าเลยค่ะ...
m
จากนั้นหั่นเป็นชิ้นค่ะ...
m
แล้วเอาไปลวก ออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ...
m
ส่วนเครื่องปรุงอื่นๆๆมี... พริกแกงผัดเผ็ดค่ะ ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าแดง เขียว ใบมะกรูดหั่นฝอย..
m
อิอิ  เอิงใส่สะตอด้วยค่ะ...
m
เครื่องปรุงมี น้ำตาล น้ำปลา รสดี  ซีอิ๊วขาว ...
m
เครื่องครบแล้ว  ลงมือผัดได้เลยค่ะ...

ตั้งกะทะใส่น้ำมันพอร้อนใส่เครื่องแกงลงไปผัด  ผัดไฟอ่อนๆๆจนเครื่องแกงหอมค่ะ...
m
เครื่องแกงเริ่มหอมแล้ววว
m
เอิงใส่น้ำตาลลงไปค่ะ...
m

 

ตามด้วยรสดี...
m

ตามด้วยน้ำปลา..
m
จากนั้นเอาหมูลงไปเลยค่ะ...
m
เอิงใส่น้ำไปนิดหน่อย เพื่อต้องการให้ได้น้ำฃลุกฃลิก...
m
เปิดไฟเร่งได้แล้วค่ะ ผัดหมูกับเครื่องแกง...

m
หลังจากนั้นชิมดูค่ะ...ได้รสชาติที่ต้องการแล้ว  ...

m
ใส่สะตอลงไปค่ะ..

m
ผัด 2 ตลบ...

m
ใส่พริกชี้ฟ้าลงไปค่ะ...

m
ตามด้วยใบมะกรูดหั่ยฝอย...

m
ใบโหระพา..

m
ปิดไฟเลยค่ะ...

m
ตักใส่จาน...

m

mmmm

ต้มยำหนางน้ำใส


 ต้มยำหนางน้ำใส 
เมื่อหลายวันก่อนไปตลาด เจอหนางหมู น่ากินมาก เลยซื้อมา 1 กิโล ราคา 70 บาท อยากเอามาต้มยำซดน้ำร้อนๆๆ ที่สำคัญอยากกินหนังหมูกับหยวกกล้วยด้วยค่ะ อิอิ มาค่ะมากินต้มยำหนางหมูกับเอิงนะคะ...


เครื่องปรุงมีหนาง...

"หนาง" หมายถึง อาหารประเภทหมักดอง ประกอบด้วย เนื้อเช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เป็นต้น ทำด้วยเนื้ออะไร ก็เรียก "หนาง" ชนิดนั้น เช่น หนางวัว หนางหมู ฯลฯ การปรุงต้องนำหนาง ไปปรุงอีกครั้งหนึ่ง บ้างก็ใส่กะทิ บ้างก้ไม่ใส่ อาจเพิ่มหยวก ตะไคร้ พริก ตามแต่สูตรใคร  ๆ หาทานได้จากร้านอาหารไทยประเภทร้านข้าวแกงทั่วไป เป็นอาหารพื้นบ้าน พื้นเมืองของภาคใต้ แบบ "บ้านๆ " ไม่เลิศหรูอะไร และมักจะมีขายตามตลาดนัดทั่วไป

 ความสำคัญของหนางหมู

         เป็นการถนอมอาหารของชาวภาคใต้ ช่วยให้สามารถเก็บรักษาอาหารไว้บริโภคได้นาน  โดยที่อาหารนั้นไม่สูญเสียคุณภาพ  การทำหนางหมูในสมัยก่อนเกิดจากภูมิปัญญาเพราะว่าหัวหมูในสมัยนั้นผู้คนไม่ นิยมรับประทาน จึงมีผู้คิดค้นวิธีทำให้หัวหมูรับประทานได้โดยนำเนื้อของหัวหมูมาหมักโดย คลุกกับเกลือและน้ำตาลแล้วนำไปหมักไว้  6-7 วัน ก็รับประทานได้ (บางท้องถิ่นก็มีการผสมผัก ประเภท หยวกกล้วย  หน่อไม้  ฟักเขียว เข้าไปด้วย) ทำหนาง ก็คือการทำเนื้อส้ม  นั่นเอง  โดยมีน้ำตาลเป็นตัวทำปฏิกิริยาให้เปรี้ยว

ที่มา...
http://gotoknow.org/blog/khaotalom/258156



bb

ตะไคร้...


หัวหอมบุบ ขมิ้นบุบ...
bbb
กระเทียมบุบ ใบมะกรูด ข่า...
แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 19:37:45

bb
พริกสดบุบให้แตก...

b
เอาหม้อใส่น้ำพอประมาณ ใส่เครื่องต้มยำ แล้วตั้งไฟ...

b
ปล่อยให้เดือด สีเหลืองขมิ้น เริ่มออกแล้ว...

b
ใส่หนางลงไปค่ะ...


b
หยวกกล้วยน่ากิน อิอิ

b
ปล่อยให้เดือด ขอบอกว่า หอมมากๆๆๆ...

b
ชิมก่อน เพราะหนางจะมีรสเค็ม ถ้าจืดให้ใส่น้ำปลาลงไป...

b

น้ำกระเทียมดองจะช่วยประสานรสชาติ...

b

คนอร์ใส่ลงไป อร่อยแน่นอน 555

b


 
ความคิดเห็นที่ 28
คุณ : OverEat  ...ซดโล่งคอไปเลยค่ะพี่ เอิงไม่ค่อยชอบกินกะทิค่ะ...

..........................................................................................

ชิม ดูนะคะ ขาดรสชาติอะไรก็เติมตามใจชอบ ไม่ต้องเติมรสเปรี้ยว เพราะหนางจะมีรสเปรี้ยว เค็มค่ะ แต่ถ้าชอบเปรี้ยวจัดก็บีบมะนาวใส่สักนิด รับรอง หอม อร่อยค่ะ...
b

เสร็จแร่ะ ตักใส่ถ้วยเลยค่ะ พร้อมลุย ทำไม่ยากเลยค่ะ อิอิ เอิงกินแบบลูกทุ่ง เพราะขี้เกียจออกไปซื้อต้นหอม คื่นฉ่ายมาโรยหน้า อิอิ...
b
อีกมุม...

b
ทั้งหนังหมู เนื้อหมู หยวกกล้วย อร่อยๆๆๆ

b
รสชาติ จะเปรี้ยวนำ หอมกลิ่นหนาง อร่อยที่สุดเลยค่ะ...

b bbbb